ฉนวนใยแก้ว

ฉนวนใยแก้ว ใยแก้วกันความร้อน ราคาโรงงาน

ฉนวนใยแก้ว คืออะไร?

ฉนวนใยแก้ว คือ ฉนวนกันความร้อนชนิดหนึ่งที่ผลิตมาจากใยแก้ว ฉนวนใยแก้วได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถกันความร้อนได้ดี ใช้งานได้ทั้งบ้านพักอาศัย รวมไปถึงโรงงานขนาดใหญ่

ฉนวนใยแก้ว มีแบบไหนบ้าง?

ฉนวนใยแก้ว มีทั้งแบบม้วนและแบบแผ่น วัสดุปิดผิวของฉนวนใยแก้วก็ได้รับการผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน โดยฉนวนใยแก้วนั้น มีวัสดุปิดผิวหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 1 ด้าน 2 ด้าน และหุ้มรอบด้าน ทำให้สามารถกันความร้อนและดูดซับเสียงได้เป็นอย่างดี

คุณสมบัติและประโยชน์ของฉนวนใยแก้ว

• ฉนวนใยแก้วมีค่านำความร้อนต่ำ สามารถต้านทานความร้อนได้ดี ช่วยลดปริมาณความร้อนที่จะเข้ามาภายในอาคารได้
• ฉนวนใยแก้วช่วยป้องกันเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝนตกหรือเสียงดังอื่นๆภายนอก
• ฉนวนใยแก้วไม่ลามไฟ ด้วยการผลิตที่ได้มาตรฐาน ฉนวนใยแก้วจึงไม่เป็นชนวนในการเกิดอัคคีภัย
• ฉนวนใยแก้วมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายและติดตั้งได้ง่าย
• ฉนวนใยแก้วมีความยืดหยุ่นมาก สามารถคลายตัวได้ หากถูกกดทับ ไม่ทำให้คุณสมบัติของฉนวนใยแก้วลดลง
• เนื่องจากฉนวนใยแก้วมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ยากต่อการฉีกขาด ทำให้ฉนวนใยแก้วมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
• หากเลือกใช้ฉนวนใยแก้วในความหนาที่เหมาะสม จะไม่ทำให้เกิดการควบแน่นจนกลายเป็นหยดน้ำ

ฉนวนใยแก้ว ราคา ฉนวนใยแก้วกันความร้อน

ฉนวนใยแก้ว ราคา ฉนวนกันความร้อน ไมโครไฟเบอร์ แบรนด์ยอดนิยม สำหรับติดตั้งบนฝ้า เพดาน และผนัง

ฉนวนใยแก้วกันความร้อน สำหรับใช้เป็น ฉนวนหลังคา ฉนวนฝ้าเพดาน

ฉนวนใยแก้ว (Fiberglass insulation) เป็นวัสดุฉนวนที่ใช้ในการกันความร้อน มักนำมาใช้ในการติดตั้งบนหลังคา ฝ้า หรือเพดานเพื่อช่วยลดการสูญเสียความร้อนขณะที่มันกำลังถูกส่งผ่านผ่านพื้นผิวที่ทำสำหรับการอิฐหรือหินปูนในอาคาร ซึ่งช่วยในการลดการใช้พลังงานในการเย็นและทำให้อาคารมีอุณหภูมิสม่ำเสมอมากขึ้น ฉนวนที่ใช้สำหรับงานหลังคา ฝ้า และเพดานมักจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามวัสดุและการออกแบบของฉนวนนั้นๆ อย่างไรก็ตาม มีคุณสมบัติที่เป็นทั่วไปที่สามารถเลือกใช้ได้เหมาะสมกับงานนี้ได้แก่

1. ความสามารถในการกันความร้อน: ฉนวนสำหรับงานหลังคา ฝ้า และเพดานควรมีความสามารถในการกันความร้อนอย่างดี เพื่อช่วยลดการสูญเสียความร้อนและประหยัดพลังงานในการเย็นในอาคาร สำหรับหลังคาเฉพาะโดยเฉพาะ การกันความร้อนมีความสำคัญมาก เนื่องจากหลังคาอาจตกแต่งด้วยวัสดุที่ดูดความร้อนได้มาก เช่น โลหะ หรือกระเบื้อง
2. ความทนทานต่อสภาพอากาศ: ฉนวนควรมีความทนทานต่อสภาพอากาศเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในสภาวะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น ฝน น้ำท่วม หรือแสงแดด
3. ความคงทนต่อเวลา: ฉนวนควรมีความคงทนต่อเวลาและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือซ่อมแซมบ่อยครั้ง
4. การติดตั้งง่าย: ควรมีคุณสมบัติในการติดตั้งที่ง่ายและสะดวก เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
5. คุณสมบัติการกันเสียง: บางครั้งฉนวนยังมีคุณสมบัติในการกันเสียงด้วย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์เพิ่มเติมในบางกรณี
6. ความปลอดภัย: สุดท้าย ควรเลือกฉนวนที่มีคุณสมบัติที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และไม่มีสารพิษหรืออื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ฉนวนใยแก้วกันความร้อนสำหรับงานผนัง Thermal Insulation for Wall

ฉนวน Cool Wall 65 mm พรีเมี่ยม มีวัสดุปิดผิวที่ทำมาจาก อลูมิเนียมฟอล์ยเสริมแรง สามารถช่วยกันความร้อนได้ดีกว่า ผนังก่ออิฐฉาบปูนถึง 6 เท่า ขนาดบรรจุมาตรฐาน 4 แผ่น/แพ็ค

เคล็ดลับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผนังเย็น ควรเลือกใช้วัสดุที่มีค่าการนำความร้อนต่ำ เช่น ผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี 

บ้านที่ติดฉนวนกันความร้อนเอสซีจี 

ค่าต้านทานความร้อนรวมที่ฝ้าเพดาน 27.92 F/Btu เมื่อเท่ียบกับค่าป้องกันความร้อนถึง 6 เท่า สะท้อนความร้อน 95% 

ประหยัดไฟ 47%

• ค่าไฟลดลง เพราะกันความร้อนที่เข้ามาในห้องได้มากกว่า ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศและได้รับฉลากประสิทธิภาพสูง จากกระทรวงพลังงาน 
• คำนวณอุณหภูมิเปรียบเทียบ ระหว่างบ้านที่ไม่ติดฉนวนและบ้านที่ติดฉนวนกันความร้อน เอสซีจี จากการวินิจฉัยร่วมกับหน่วยงานบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (JGSEE The Joint Graduate School of Energy and Environment) ในปี พ.ศ. 2550-2551 โดยคิดค่าไฟที่ 2.98 บาท/ยูนิต โดยเป็นการคำนวณจากการจำลองห้องขนาด 4x4 เมตร ฝ้าเพดานยิปซั่ม ติดเครื่องปรับอากาศขนาด COP 2.5 12,000 Btu เปิดแอร์ 5 วัน/สัปดาห์ ระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. เป็นเวลา 1 ปี ที่อุณหภูมิ 25 องศา โดยใช้ฐานข้อมูลอากาศของวันที่ 15 สิงหาคม 2543 ซึ่งห้องติดฉนวนกันความร้อน เอสซีจีรุ่น Stay Cool หนา 75 มม. พรีเมียม กับอีกห้องไม่ได้ติดฉนวน 
• คำนวณค่าประหยัดไฟ จากการร่วมกับหน่วยงานบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (JGSEE The Joint Graduate School of Energy and Environment) ในปี พ.ศ. 2550-2551 โดยคิดค่าไฟที่ 2.98 บาท/ยูนิต โดยเป็นการคำนวณจากการจำลองห้องขนาด 4x4 เมตร ฝ้าเพดานยิปซั่ม ติดเครื่องปรับอากาศขนาด COP 2.5 12,000 Btu เปิดแอร์ 5 วัน/สัปดาห์ ระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. เป็นเวลา 1 ปี ที่อุณหภูมิ 25 องศา โดยใช้ฐานข้อมูลอากาศของวันที่ 15 สิงหาคม 2543 ซึ่งห้องติดฉนวนกันความร้อน เอสซีจีรุ่น Stay Cool หนา 75 มม. พรีเมียม กับอีกห้องไม่ได้ติดฉนวน
• เนื้อฉนวนเขียว Green 3

นวัตกรรมดีดี เพื่อคุณและเพื่อโลก 

• ฉนวนกันความร้อน เอสซีจี ได้รับฉลากเขียวในการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากใช้แก้วรีไซเคิล 100% และยังผลิตด้วยกระบวนการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงได้รับฉลาก SCG Eco Value 
• เนื้อฉนวนใยแก้วของฉนวนกันความร้อน เอสซีจี ได้รับการรับรองโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาสญด้านสุขภาพ และความปลอดภัยของวัสดุประเภทเส้นใย จากสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ International Agency for Research for Cancer IARC ขององค์กรอนามัยโลก WHO ว่าไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นฉนวนใยแก้วจึงนิยมใช้งานกว้างขวางทั้งในยุโรป อเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลก
• เนื้อฉนวนเขียว มีสาร Hydro Protec ที่ช่วยอุ้มน้ำได้ถึง 10 เท่า ไม่ดูดซึม

ฉนวนใยแก้ว หลังคา MicroRoof ฉนวนงานหลังคา

ฉนวนหลังคา MicroRoof เป็นฉนวนกันความร้อน และดูดซับเสียงที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับงานหลังคามี ทั้งแบบชนิดม้วน และแบบแผ่น โดยเนื้อฉนวนมีวัสดุแบบ Non Water Absorption ที่ช่วยลดการอมน้ำ ไม่ดูดน้ำใช้งานได้ดี เหมาะกับงานปูบนเพื่อกันความร้อนหลังคา โดยฉนวนกันความร้อน ไมโครรูฟ MicroRoof เหมาะสำหรับการใช้งานติดตั้งใต้แผ่นหลังคาเหล็กรีด หลังคากระเบื้อง หลังคาคอนกรีตฯลฯ ของอาคาร สำนักงาน โรงงาน คลังสินค้า และที่พักอาศัย 

MicroRoof เป็นชื่อชนิดของฉนวนหลังคาที่ใช้ในงานตกแต่งหลังคาของอาคาร เป็นฉนวนที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนและรองรับความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคา เนื่องจากเป็นสินค้าที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้บ่อยครั้ง และมีการผลิตให้มีคุณภาพและความเชื่อถือได้สูง

คุณลักษณะและประโยชน์ในการใช้งานฉนวนหลังคา MicroRoof

1. ความสามารถในการกันความร้อน : ฉนวนหลังคา MicroRoof มีค่าการนำความร้อนต่ำ และมีประสิทธิภาพในการต้านทานความร้อนสูง จึงช่วยกันความร้อนเข้าสู่อาคารได้ดี โดยทดสอบตามมาตรฐาน ASTM C518
2. ความสามารถในการกันเสียงและดูดซับเสียง : เป็นฉนวนที่มีโพรงอากาศเป็นจำนวนมาก จึงสามารถดูดซับเสียงได้ดี เป็นที่เลือกใช้ในการดูดซับเสียงที่ตกกระทบกับหลังคาของอาคาร โดยทดสอบตามมาตรฐาน ASTM C423
3. ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ : ผลิตจากวัตถุดิบที่ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ ไม่เป็นชนวนก่อให้เกิดอัคคีภัย โดยได้รับ Class A1 จากการทดสอบมาตรฐาน EN 13501
4. อายุการใช้งานยาวนาน : MicroRoof เป็นฉนวนที่มีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงดึง ไม่ฉีกขาดง่าย และสามารถคืนตัวได้ดีหลังการกดทับ จึงคงสภาพความเป็นฉนวนได้อย่างยาวนาน
5. ความสวยงามและการออกแบบ : มีการออกแบบที่สวยงามและเหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ ของอาคาร
6. ติดตั้งง่าย : มีคุณสมบัติในการติดตั้งที่ง่ายและสะดวก เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
7. ความปลอดภัย : ควรเป็นสินค้าที่มีคุณสมบัติที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และไม่มีสารพิษหรืออื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

MicroRoof มักถูกนำมาใช้ในงานตกแต่งหลังคาของอาคารที่ต้องการความสวยงามและความทนทานต่อสภาพอากาศในระยะยาว โดยเฉพาะในอาคารที่ต้องการการบำรุงรักษาและการดูแลรักษาที่น้อยลงตลอดเวลา

วัสดุปิดผิวของ MicroRoof มีแบบไหนบ้าง

MicroRoof มีวัสดุปิดผิวที่มีคุณภาพสูงให้เลือกใช้ตามการใช้งาน ยึดติดแน่นกับเนื้อฉนวนด้วยเครื่องจักรของโรงงาน ไม่เลื่อนหลุดง่าย ทนทานต่อแรงดึงได้ดี ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่ลามไฟ ป้องกันน้ำและความชื้นได้ดี ดังนี้

• ฉนวน MicroRoof รุ่น FLS เป็นแบบปิดผิวหน้าด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ 1 ด้าน
• ฉนวน MicroRoof รุ่น FLD เป็นแบบปิดผิวหน้าด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ 2 ด้าน
• ฉนวน MicroRoof รุ่น ENF เป็นแบบหุ้มรอบด้านด้วยอลูมิเนียมฟอยล์
• ฉนวน MicroRoof รุ่น WMP เป็นแบบปิดผิวหน้าด้วยไวนิลขาว
• ฉนวน MicroRoof รุ่น FWMP เป็นแบบปิดผิวหน้าด้วยอลูมิเนียมฟอยล์และไวนิลสีขาว