เหล็ก WF ไวด์แฟรงค์ SYS PB ทำสีรองพื้นกันสนิม รุ่นพรีเมี่ยม (Premium) ยาว 6 เมตร
SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ เหล็กโครงสร้างพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS เป็นสินค้ากลุ่มทำสีกันสนิมสำเร็จจากโรงงาน โดยได้ผ่านการคัดเลือกกรรมวิธีการขัดและทำความสะอาดผิวที่ผ่าน ISO8501 ที่เป็นวิธีเฉพาะที่ SYS คัดเลือกสรรค์ ให้กับสินค้ากลุ่ม...
2,310.12 บาท - 73,273.20 บาท
SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ เหล็กโครงสร้างพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS
เป็นสินค้ากลุ่มทำสีกันสนิมสำเร็จจากโรงงาน โดยได้ผ่านการคัดเลือกกรรมวิธีการขัดและทำความสะอาดผิวที่ผ่าน ISO8501 ที่เป็นวิธีเฉพาะที่ SYS คัดเลือกสรรค์ ให้กับสินค้ากลุ่ม PRIMERBOND ด้วยการขัด และทำความสะอาดที่ละเอียดลึกถึงทุกอณูของพื้นผิว ช่วยให้ตัวเหล็กและสีที่ทำรองพื้นยึดเกราะได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ เหล็กโครงสร้างพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS ยังเลือกวิธีการพ่นสี โดยเลือกคุณภาพสีที่ดีที่สุด ที่เหมาะกับการใช้งาน และยึดเกาะพื้นผิวเหล็กได้ดี ทำให้ "ทนสนิม" และ "กันสนิม" ได้มากกว่าเหล็กทั่วไป โดย SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ เหล็กโครงสร้างพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ
เหล็กไวด์แฟรงค์ มอก. ขนาด 100x100มม. ขึ้นไป โดย SYS
ข้อดีของการใช้เหล็กรูปพรรณรีดร้อน
- ลดระยะเวลาการก่อสร้าง ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยของโครงการ เปิดใช้งานได้รวดเร็ว
- เตรียมงานจากโรงงานได้ และใช้แรงงานน้อยกว่าการก่อสร้างด้วยระบบอื่น
- ออกแบบโครงสร้างให้มีช่วงเสากว้าง กว่าโครงสร้างระบบอื่น ไม่เปลืองพื้นที่ใช้งาน
- ออกแบบงานสถาปัตยกรรมได้หลากหลายเช่น ตัดโค้ง ทำใครงสร้างโปร่ง หรือทำส่วนยื่่นได้มาก
- โครงสร้างมีน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดฐานราก ลดการขนส่ง และพื้นที่กองเก็บวัสดุ
- ตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพ และบำรุงรักษาได้สะดวกกว่าโครงสร้างอื่น
- มีความแข็งแรง สามารถรับแรงสั่นสะเทือนและแผ่นดินไหว ได้ดีกว่าโครงสร้างระบบอื่น
- ก่อสร้างในที่จำกัดได้สะดวก ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะฝุ่น
- ดัดแปลง ต่อเติม หรือรื้อไปสร้างใหม่ได้ ไม่ต้องทุบทิ้ง
- สามารถนำวัสดุมาหมุนเวียนได้ 100%
ขั้นตอนการผลิตโดยสังเขป
เนื่องจากผลิตโดยการหลอมและรีดร้อนขึ้นเป็นท่อน เหล็กโครงสร้างชนิดนี้จึงมีเนื้อเดียวกัน ไม่มีรอยเชื่อมระหว่างส่วนต่างๆ ดังนั้นคุณสมบัติของหน้าตัดจึงสม่ำเสมอกว่าเหล็กโครงสร้างชนิดอื่นเช่น เหล็กรูปพรรณกลวงซึ่งทำจากเหล็กม้วนและเชื่อมตามยาว กับเหล็กโครงสร้างรูปพรรณเชื่อมประกอบที่ทำจากเหล็กแผ่นสามชิ้นเชื่อมเข้าด้วยกัน
ข้อแตกต่างระหว่างเหล็ก เอชบีม H-Beam ไอบีม I-Beam ไวด์แฟลงจ์ Wide-Flange
เหล็กไวด์แฟลงจ์ WF มอก. ในบ้านเรามักรวมเหล็กประเภทนี้อยู่ใน มอก. ของ H-Beam เนื่องจากมีการผลิตที่เหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดของเหล็กไวด้แฟลงจ์ เมื่อเทียบกับ เอชบีม ก็คือขนาด บริเวณ Web และ Flange ที่ไม่เท่ากันของเหล็ก Wide Flange เหมาะกับงานโครงสร้างอาคาร งานก่อสร้างสะพาน คาน
เหล็ก เอชบีม H-Beam ต่างกับ I-Beam อย่างไร?
เหล็กทั้ง 2 หน้าตัดนี้ มีข้อแตกต่างกันอยู่ 2 ด้าน คือ
ด้านการนำไปใช้งาน
เหล็กเอชบีม H-beam
เหล็กเอชบีม H-beam จะนำไปใช้ในงานก่อสร้างอาคาร เป็นชิ้นส่วนของ เสา คาน โครงหลังคา ฯลฯ H-BEAM มีขนาดหน้าตัดให้เลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ H100x50mm. จนถึงขนาดใหญ่สุด H900x300mm. ทำให้ H-BEAM นั้นถูกเลือกใช้ในงานที่หลากหลาย ทั้งโครงสร้างอาคาร โครงหล้งคา โครงสร้างโรงงาน หรืองานโครงการขนาดใหญ่เป็นต้น เช่น โรงจอดเครื่องบิน
เหล็กไอบีม I-beam
เหล็กไอบีม I-beam จะนิยมนำไปทำรางเคน Crane Girder ที่ไว้ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมาก แะเหล็กไอบีมนี้ ถูกผลิตขึ้นมากเพื่อใช้ในงานที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า เช่น รางเลื่อนของเครนในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะความหนาของ Flange ปีกที่ยื่นออกมา ที่มาก และมีลักษระ Taper เรียวที่ปลาย ไม่เหมือนกับ H-beam ที่มีความหนาของ Flange เท่ากันตลอด ส่งผลให้โดยทั่วไป I-beam จะสามารถรับแรงกระแทกได้ดี แต่ก็จะมีน้ำหนักที่มากกว่า เอชบีม H-Beam ในขณะที่หน้าตัดเท่ากัน เช่น
H 300x150x6.5x9mm. นน. 36.7 กก./ม.
I 300x150x8x13mm. นน. 48.3 กก./ม. ซึ่งจะเห็นได้ว่า I-Beam มีน้ำหนักมากกว่าถึง 32%
ด้านลักษณะรูปร่าง
จุดแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 หน้าตัด คือ ปีก Flange ทั้งบนและล่างของเหล็ก H-beam จะเป็นแผ่นเรียบหนาเท่ากันตลอด ส่วนของเหล็กไอบีม I-beam ทั้งปีกบนและล่างจะเป็นแผ่นเอียง หรือ Taper Flange ซึ่งขนาดหน้าตัดเหล็กที่เท่ากัน I-beam จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า H-beam เนื่องจากเหล็ก I-beam จะมีความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อรองรับแรงกระแทก และการเคลื่อนที่จากรางเครน