เหล็กบีม
เหล็กบีมคุณภาพสูง ครบทั้ง H Beam, I-Beam, Wide Flange และเหล็กบีม SYS แข็งแรงได้มาตรฐาน เหมาะกับงานโครงสร้างอาคาร โรงงาน โกดัง และสะพาน รองรับน้ำหนักมาก ทนแรงกดดัน เลือกซื้อเหล็กบีมหลายขนาดได้ที่วันสต๊อกโฮม พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ
1,579.14 บาท - 77,364.00 บาท
กลุ่ม category ของ เหล็กบีม
- เหล็กไวด์แฟรงค์ เหล็กวายแฟรงค์ WF เหล็ก H-Beam มอก. ราคาถูก Wide Flange
- เหล็กไอบีม I-Beam IB มอก. ราคาถูก ราคาโรงงาน
- เหล็กคัทบีม คัดบีม ราคาถูก ราคาโรงงาน
- เหล็กบีม 4 นิ้ว
- เหล็กบีม 5 นิ้ว
- เหล็กบีม 6 นิ้ว
- เหล็กบีม 7 นิ้ว
- เหล็กบีม 8 นิ้ว
- เหล็กบีม 10 นิ้ว
- เหล็กบีม 12 นิ้ว
- เหล็กบีม 14 นิ้ว
- เหล็กบีม 16 นิ้ว
- เหล็กบีม 17 นิ้ว
- เหล็กบีม 18 นิ้ว
- เหล็กบีม 20 นิ้ว
- เหล็กบีม 24 นิ้ว
- เหล็กบีม 28 นิ้ว
- เหล็กบีม 32 นิ้ว
- เหล็กบีม 36 นิ้ว
สินค้าในกลุ่ม เหล็กบีม
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 100x50 SS400 (HB 100x50)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 100x100 SS400 (HB 100x100)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 125x125 SS400 (HB 125x125)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 148x100 SS400 (HB 148x100)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 150x75 SS400 (HB 150x75)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 150x150 SS400 (HB 150x150)
- เหล็กไวด์แฟรงค์ เหล็กบีม 175x90 SYS (HB 175x90)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 175x175 SS400 (HB 175x175)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 194x150 SS400 (HB 194x150)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 198x99 SS400 (HB 198x99)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 200x100 SS400 (HB 200x100)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 200x200 SS400 (HB 200x200)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 244x175 SS400 (HB 244x175)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 244x252 SS400 (HB 244x252)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 248x124 SS400 (HB 248x124)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 250x125 SS400 (HB 250x125)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 250x250 SS400 (HB 250x250)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 294x200 SS400 (HB 294x200)
- เหล็ก HB H Beam เอชบีม 294x302 SS400 (HB 294x302)
- เหล็กโครงสร้าง WF ไวด์แฟรงค์ 298x149 SS400 (HB 298x149)
เหล็กบีม คืออะไร
เหล็กบีม ถือเป็นวัสดุหลักในงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง มีทั้ง เหล็ก H Beam, I-Beam, Wide Flange และ เหล็กบีม SYS ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในไทยที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับงานอาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม โกดัง สะพาน และโครงการที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก
- เหล็ก H Beam (เอชบีม): หน้าตัดรูปตัว H แข็งแรงมาก เหมาะกับงานที่ต้องการรับแรงสูงทั้งแนวตั้งและแนวนอน
- เหล็ก I-Beam (ไอบีม): หน้าตัดรูปตัว I น้ำหนักเบากว่า H-Beam แต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานโครงสร้างทั่วไป
- เหล็ก Wide Flange (ไวด์แฟรงค์): ปีกกว้างกว่า H-Beam กระจายแรงได้ดีกว่า นิยมใช้ในงานอาคารสูงและสะพาน
- เหล็กบีม SYS: ผลิตจากโรงงานมาตรฐาน มอก. และได้รับความเชื่อถือด้านคุณภาพในงานโครงการใหญ่
ข้อดีของการใช้เหล็กบีมคือช่วยให้งานก่อสร้างมั่นคง ลดโอกาสบิดงอของโครงสร้าง รับแรงกดและแรงดัดได้ดี อายุการใช้งานยาวนาน และสามารถประกอบกับวัสดุก่อสร้างอื่นได้ง่าย
ที่วันสต๊อกโฮม เรามีเหล็กบีมหลากหลายขนาดและสเปก ทั้ง H-Beam, I-Beam, Wide Flange และเหล็ก SYS พร้อมข้อมูลสเปก น้ำหนักต่อเมตร และมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อให้คุณเลือกได้ตรงตามการใช้งานจริง พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ รวดเร็ว และราคาคุ้มค่า
ตารางราคาเหล็กบีม เอชบีม วันนี้ เหล็ก H Beam ราคาเท่าไหร่?
รายการสินค้า | ขนาด | ความยาว | ราคา |
|---|---|---|---|
เหล็กบีม H Beam เอชบีม SS400 | 100x100x6x8 มม. | 6 ม. | {{95361636}} |
เหล็กบีม H Beam เอชบีม SS400 | 125x125x6.5x9 มม. | 6 ม. | {{13965750}} |
เหล็กบีม H Beam เอชบีม SS400 | 150x150x7x10 มม. | 6 ม. | {{4813988}} |
เหล็กบีม H Beam เอชบีม SS400 | 175x175x7.5x11 มม. | 6 ม. | {{49275288}} |
เหล็กบีม H Beam เอชบีม SS400 | 200x200x8x12 มม. | 6 ม. | {{62732155}} |
เหล็กบีม H Beam เอชบีม SS400 | 250x250x9x14 มม. | 6 ม. | {{3985919}} |
ลักษณะสำคัญของเหล็กบีม เอชบีม H Beam
หน้าตัดของ เหล็กบีม H Beam นั้นจะเป็นรูปอักษรตัวเอช (H) สมชื่อ แต่ให้สังเกตว่าส่วนที่เป็นขาตัวเอช หรือที่เรียกว่า “ปีก” (Flanges) นอกจากจะมีความหนากว่าแกนตรงกลาง ที่เรียกว่า “เอว”(web) แล้ว “ปีก”ยังมีลักษณะตรงเรียบ ความหนาคงที่ สัดส่วนหน้าตัดจะมีทั้งที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสและผืนผ้า เหล็กเอชบีมสามารถรับแรงได้ดี นิยมใช้เป็นโครงสร้างเสาและคาน เป็นหน้าตัดที่คนรู้จักคุ้นเคยเลือกใช้มากที่สุดชนิดหนึ่ง
ข้อแตกต่างของ ลักษณะปีก เหล็กบีม ที่เห็นได้ชัด
- เหล็กบีม H Beam ตัวปีกของ เอชบีม มีลักษณะมุมตัดเป็นฉาก
- เหล็กไอบีม I-Beam ตัวปีกของ ไอบีม I BEAM มีลักษณะมุมลบเหลี่ยมจากแกนกลางมาที่ปลาย
เหล็กประเภทบีมนี้ สามารถต้านทานการตัดโค้ง Bending และการบิด Twisting ได้ดี จึงใช้เป็น เสา (Columns), คาน (Beams) และตงพื้น (Bridge girders) ในงานก่อสร้าง งานโครงสร้าง งานโครงหลังคาขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี
เหล็กบีม เอชบีม H Beam ต่างกับ I Beam อย่างไร?
เหล็กทั้ง 2 หน้าตัดนี้ มีข้อแตกต่างกันอยู่ 2 ด้าน คือ
ด้านการนำไปใช้งานของเหล็กบีม H-Beam กับ I-Beam
- เหล็กเอชบีม H-Beam จะนำไปใช้ในงานก่อสร้างอาคาร เป็นชิ้นส่วนของ เสา คาน โครงหลังคา ฯลฯ H-Beam มีขนาดหน้าตัดให้เลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ H100x50mm. จนถึงขนาดใหญ่สุด H900x300mm. ทำให้ H-Beam นั้นถูกเลือกใช้ในงานที่หลากหลาย ทั้งโครงสร้างอาคาร โครงหล้งคา โครงสร้างโรงงาน หรืองานโครงการขนาดใหญ่เป็นต้น เช่น โรงจอดเครื่องบิน
- เหล็กไอบีม I-Beam จะนิยมนำไปทำรางเคน Crane Girder ที่ไว้ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมาก แะเหล็กไอบีมนี้ ถูกผลิตขึ้นมากเพื่อใช้ในงานที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า เช่น รางเลื่อนของเครนในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะความหนาของ Flange ปีกที่ยื่นออกมา ที่มาก และมีลักษระ Taper เรียวที่ปลาย ไม่เหมือนกับ H-beam ที่มีความหนาของ Flange เท่ากันตลอด ส่งผลให้โดยทั่วไป I-Beam จะสามารถรับแรงกระแทกได้ดี แต่ก็จะมีน้ำหนักที่มากกว่า เอชบีม H-Beam ในขณะที่หน้าตัดเท่ากัน เช่น H 300x150x6.5x9mm. นน. 36.7 กก./ม. I 300x150x8x13mm. นน. 48.3 กก./ม. ซึ่งจะเห็นได้ว่า I-Beam มีน้ำหนักมากกว่าถึง 32%
ด้านลักษณะรูปร่าง
- จุดแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 หน้าตัด คือ ปีก Flange ทั้งบนและล่างของเหล็ก H-Beam จะเป็นแผ่นเรียบหนาเท่ากันตลอด ส่วนของเหล็กไอบีม I-Beam ทั้งปีกบนและล่างจะเป็นแผ่นเอียง หรือ Taper Flange ซึ่งขนาดหน้าตัดเหล็กที่เท่ากัน I-Beam จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า H-Beam เนื่องจากเหล็ก I-Beam จะมีความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อรองรับแรงกระแทก และการเคลื่อนที่จากรางเครน
เหล็กบีม H-Beam และเหล็ก Wide Flange ต่างกันอย่างไร
จริง ๆ แล้ว เหล็ก H-Beam และเหล็ก Wide Flange เป็นเหล็กประเภทเดียวกัน มีลักษณะหน้าตัดเหมือนกันทุกประการ โดยมีทั้งปีกบนและปีกล่างที่กว้างเท่ากันตลอดแนวความยาว อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของชื่อเรียกมาจากสองปัจจัยหลัก ได้แก่ มาตรฐานที่รองรับ และหน่วยวัดที่ใช้ระบุขนาด ดังนี้:
1. มาตรฐานที่รองรับ
- H-Beam : ในประเทศไทย เหล็กบีม H-Beam ผลิตและใช้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย (มอก.) ซึ่งกำหนดใน มอก. 1227 เป็นมาตรฐานสำหรับเหล็กรูปพรรณรีดร้อนหน้าตัดรูปตัว H หรือที่เรียกว่า "H-Section Steel" หรือ "H-Beam"
- Wide Flange (WF) : ในขณะที่ Wide Flange เป็นชื่อเรียกเหล็กรูปพรรณหน้าตัดตัว H ตามมาตรฐาน ASTM ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งระบุไว้ในมาตรฐาน ASTM A6 ว่าโครงสร้างเหล็กหน้าตัดรูปตัว H ควรเรียกว่า "W-Shape" หรือ "Wide Flange"
2. หน่วยในการวัด
- H-Beam : ใช้หน่วยวัดในระบบเมตริก (Metric System) ระบุขนาดเป็นมิลลิเมตร เช่น 250x250x9x14 mm หรือ 294x302x12x12 mm ขนาดหน้าตัดอาจมีสัดส่วนความลึกและความกว้างเท่าหรือไม่เท่ากัน แต่ยังคงเรียกตามมาตรฐาน มอก. ว่า H-Beam
- Wide Flange : ใช้หน่วยวัดอังกฤษ (Imperial Units) โดยขนาดระบุเป็นนิ้ว เช่น 10x8 นิ้ว หรือ 12x12 นิ้ว ขนาดหน้าตัดอาจมีสัดส่วนแตกต่างกันไป แต่หากยึดตามมาตรฐาน ASTM ก็จะเรียกว่า Wide Flange
โดยสรุป เหล็ก H-Beam และ Wide Flange มีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกัน แต่มีการเรียกชื่อที่ต่างกันตามมาตรฐานและหน่วยวัดที่ใช้
โครงสร้างเหล็ก คืออะไร?
โครงสร้างเหล็กแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก และ โครงสร้างเหล็กล้วน โดยในที่นี่จะกล่าวถึงโครงสร้างเหล็กล้วนหรือที่เรียกอีกชื่อว่าโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ โครงสร้างเหล็กล้วนเป็นการนำเหล็กรูปพรรณรีดร้อน เช่น เหล็กแป๊ป เหล็กกล่อง เหล็กตัวซี เหล็กบีม เอชบีม (H-Beam) และเหล็กไอบีม (I-Beam) มาประกอบกันเพื่อใช้ในการสร้างเสา คาน และหลังคา
ข้อดีของโครงสร้างเหล็กล้วน
- ความยืดหยุ่นสูง – โครงสร้างเหล็กสามารถรองรับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนได้ดี
- แข็งแรงและทนทาน – โครงสร้างเหล็กมีความแข็งแรงสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก
- ก่อสร้างได้รวดเร็ว – โครงสร้างเหล็กเป็นระบบงานแห้ง ไม่ต้องรอให้คอนกรีตเซ็ตตัว ลดระยะเวลาการก่อสร้าง
- ความแม่นยำในการติดตั้ง – โครงสร้างเหล็กใช้เครื่องมือเฉพาะในการเชื่อมต่อและยึดติด ทำให้ได้งานที่เรียบร้อยและมีคุณภาพสูง
- น้ำหนักเบากว่าโครงสร้างคอนกรีต – เนื่องด้วยโครงสร้างเหล็กมีน้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างโดยรวมมีความประณีตและคมชัดมากกว่าโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วไป
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ โครงสร้างเหล็กจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรง ความรวดเร็ว และคุณภาพสูง
SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ โครงสร้างเหล็กพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS
SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ โครงสร้างเหล็กพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS เป็นสินค้ากลุ่มทำสีกันสนิมสำเร็จจากโรงงาน โดยได้ผ่านการคัดเลือกกรรมวิธีการขัดและทำความสะอาดผิวที่ผ่าน ISO8501 ที่เป็นวิธีเฉพาะที่ SYS คัดเลือกสรรค์ ให้กับสินค้ากลุ่ม PRIMERBOND ด้วยการขัด และทำความสะอาดที่ละเอียดลึกถึงทุกอณูของพื้นผิว ช่วยให้ตัวเหล็กและสีที่ทำรองพื้นยึดเกราะได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ เหล็กโครงสร้างพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS ยังเลือกวิธีการพ่นสี โดยเลือกคุณภาพสีที่ดีที่สุด ที่เหมาะกับการใช้งาน และยึดเกาะพื้นผิวเหล็กได้ดี ทำให้ "ทนสนิม" และ "กันสนิม" ได้มากกว่าเหล็กทั่วไป SYS PRIMERBOND ไพรเมอร์บอนด์ เหล็กโครงสร้างพร้อมทำสีรองพื้นกันสนิม มาตรฐาน SYS มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ
การสังเกตเหล็กบีม H Beam ของแท้จาก SYS
การใช้งานเหล็กบีม เอชบีม H Beam ทำอะไรได้บ้าง
เหล็กบีม เอชบีม H Beam นิยมนำมาใช้ส่วนโครงสร้างหลักของอาคาร เช่น ส่วนเสาและคาน ทั้งอาคารสาธารณะและบ้านพักอาศัย อาจใช้ประกอบเป็นส่วนของโครงถัก ทำอาคารที่ยื่นยาว(cantilever) นอกจากการเลือกเหล็กที่ได้มาตรฐานแล้ว การนำมาใช้อย่างถูกวิธี เช่น การตัด-ต่อ การเชื่อมและยึดสลักเกลียวก็ต้องได้มาตรฐานด้วย ซึ่งทาง SYS เองก็มีบริการให้คำปรึกษากับผู้ออกแบบและรับเหมา เพื่ออำนวยความสะดวกและให้คุณได้มีอาคารเหล็กที่แข็งแรง สวยงาม ปลอดภัย
เหล็ก H-Beam SM520 คืออะไร
- เหล็ก เฮชบีม HB SM520 เป็นเหล็กชั้นคุณภาพ ของเหล็กรูปพรรณขึ้นรูปรีดร้อน SM 520 เป็นตัวระบุความแข็งแรงของเนื้อเหล็ก และความต้านแรงดึง
- เหล็ก เฮชบีม HB SM520 มีจุดเด่น คือ สามารถใช้พื้นที่ได้มากกว่า สามารถเพิ่มกำลังการรับน้ำหนักได้มากขึ้น ถึง 50% ออกแบบได้สแปนที่กว้างกว่า และลดน้ำหนักเหล็กได้
- เหล็ก เฮชบีม HB SM520 ให้สแปนที่กว้างกว่า
เหล็ก SS400 ต่างจากเหล็ก SM520 อย่างไร
ถ้าพูดง่ายๆคือ SM520 เป็นเหล็กที่มีส่วนประกอบทางเคมีที่แตกต่างจาก SS400 ทำให้มีค่าความต้านแรงดึงที่ดีขึ้น ส่งผลให้ ใช้ปริมาณน้ำหนักเหล็กน้อยลง แต่รับแรงได้เท่าเดิม แม้ราคา ต่อ กก. ของ SM520 จะคงแพงกว่า SS400 แต่โดยรวม การใช้เหล็ก SM520 จะทำให้โครงการประหยัดได้มากกว่า
ข้อเสียของเหล็ก SM520 ที่มี ณ ปัจจุบัน คือ การที่ผู้ขายไม่ค่อยมีของ จึงอาจจะส่งผลให้ราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น
เหล็ก SM520 เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากกว่า
- คานเล็กลง ทำให้มีระยะ Ceiling Height เพิ่มขึ้น มีผลให้อาคารโปร่ง โล่ง ดูกว้างยิ่งขึ้น
- เสาเล็กลง จากเสาขนาด H300x300 สามารถใช้เหลือเพียง H200x200 เพิ่มพื้นที่ได้ 5x5 cm = 25 sqcm ต่อเสา 1 ต้น ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยในอาคารเพิ่มขึ้น จัดตกแต่งภายในได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
- โครงสร้างหลังคาเหล็กลง ทำให้เก็บของได้สูงมากยิ่งขึ้น
เหล็ก SM520 ลดต้นทุนได้มากกว่า
- นอกจากน้ำหนักโครงสร้างที่ลดลงแล้ว ยังสามารถลดค่าขนส่ง และเพิ่ม Fire Protection ได้สูงสุดถึง 20%
เหล็ก SM520 เวลาการก่อสร้างน้อยกว่า
- SM520 มีความหนาลดลงและเส้นรอบรูปที่ลดลง ทำให้ใช้เวลาเชื่อมเหล็กเพื่อต่อทางเสาและคานน้อยลง ใช้เวลาในการขึ้นโครงสร้างน้อยกว่า
- ขนาดเหล็กที่เล็กลง ทำให้มีพื้นผิวเหล็กน้อยลง Sandblast ลดปริมาณการใช้สีรองพื้น สีกันสนิม และสีกันไฟ ประหยัดได้มากกว่าเดิม
- การติดตั้ง
- SM520 ทำให้งานโครงสร้างเหล็กลง น้ำหนักโครงสร้างน้อยกว่า SS400 สะดวกในการใช้เครน ติดตั้ง หรือกำลังของเครนลดน้อยลงได้
- SM520 มีขนาดเล็กกว่า ขนส่งได้จำนวนมากขึ้น ลดจำนวนรอบในการขนส่ง
เหล็ก SM520 ดีอย่างไร และต่างจาก SS400 ยังไง
การเชื่อมเหล็ก เกรด SM520
ในการเชื่อมงานโครงสร้างเหล็ก ที่หากใช้เป็นโครงสร้างเหล็กเกรด SM520 แล้ว ตัวเพลตจำเป็นต้องใช้เป็น SM520 เช่นเดียวกันหรือไม่?
คำตอบ (อ้างอิงจาก SYS) ก็คือ ไม่จำเป็นครับ เพราะการออกแบบจุดต่อรับแรงดึง แรงเฉือน หรือโมเมนต์บริเวณจุดต่อนั้น สามารถใช้แผ่นเหล็ก SS400 ผสมผสานกับอาคารหน้าตัดรูปตัว H ที่เป็นเกรด SM520 ได้ ไม่มีผลกระทบต่อเรื่องความแข็งแรงของอาคารแต่อย่างใด วิศวกรเพียงแค่นำแรงกระทำที่จุดต่อนั้นๆ มาคำนวณ และสามารถเลือกใช้เพลตเป็นเกรด SS400 หรือ SM520 ก็ได้ ซึ่งจุดนี้น่าจะคลายความสงสัยของหลายคนไปได้ รวมถึงตอกย้ำให้เห็นว่า การเลือกใช้เหล็กเกรด SM520 ไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องจุดเชื่อมต่ออีกต่อไป