เหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้นกลม โรงใหญ่ มอก. ราคาเหล็กเส้นวันนี้

เหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้นกลม โรงใหญ่ มอก. ราคาเหล็กเส้นวันนี้

เช็คราคาเหล็กเส้นวันนี้ เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย ราคาโรงงาน เราคือแหล่งรวมและจำหน่ายเหล็กเส้นโรงใหญ่ มอก. ทุกยี่ห้อ มีทั้งเหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อยจากโรงใหญ่ มีเหล็กเต็มเกรด SR24 SD40 SD50 พร้อมจำหน่ายในขนาดมาตรฐาน 10 เมตร และ 12 เมตร ทั้งแบบพับ และแบบตรง ในราคาพิเศษ มีราคาโครงการสำหรับยอดใหญ่

40.63 บาท - 1,522.78 บาท

สินค้าในกลุ่ม เหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้นกลม โรงใหญ่ มอก. ราคาเหล็กเส้นวันนี้

ราคาเหล็กเส้นวันนี้


ราคาเหล็กเส้นวันนี้ เปิดที่

  • เหล็กเส้น มอก. คละยี่ห้อ (ตรง, พับ) ราคาฐาน 18.20+7% บาท/กก.
  • ราคาเต็มเที่ยว 30 ตัน ขึ้นไป ลดเพิ่ม 0.1 เหลือ 18.10 บาท/กก.
  • เหล็กเส้น มอก. TATA EF SD40T โรงใหญ่ วันนี้เปิดราคารับเอง โรงงานระยอง ชลบุรี 19.60 บาท/กก.+ VAT 7%
  • เหล็กเส้น มอก. โรงใหญ่ EF ราคาฐาน 19.00+7% บาท/กก.


ขนาด


น้ำหนักเหล็กเส้น 10 ม. (กก.)


ราคาวันนี้ (บาท)

เหล็กเส้นกลม RB6

2.22

{{27842695}}

เหล็กเส้นกลม RB9

4.99

{{44826816}}

เหล็กข้ออ้อย DB12

8.88

{{4878697}}

เหล็กข้ออ้อย DB16

15.78

{{85062060}}

เหล็กข้ออ้อย DB20

24.66

{{92642538}}

เหล็กข้ออ้อย DB25

38.53

{{57564047}}

เหล็กข้ออ้อย DB28

48.34

{{85859251}}

เหล็กข้ออ้อย DB32

63.13

{{73240662}}


สำหรับผู้เกี่ยวข้องในวงการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ หรือวิศวกร ควรติดตามความเคลื่อนไหวของราคาเหล็กเส้น และเหล็กข้ออ้อยอย่างใกล้ชิด เพราะราคาทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างโดยตรง การติดตามราคาเหล็กเส้นช่วยให้เข้าใจแนวโน้มตลาดได้ดียิ่งขึ้น เช่น หากราคาเหล็กปรับขึ้น อาจเกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงอุปสงค์ในตลาดที่เพิ่มขึ้น หรือผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ผันผวนและอ่อนค่าซึ่งส่งผลต่อราคาต้นทุนเหล็กนำเข้า ในทางกลับกัน เมื่อราคาเหล็กลดลง ไม่ได้หมายความว่าต้นทุนจะลดลงเสมอไป แต่บางครั้งสะท้อนถึงความต่อเนื่องของโครงการก่อสร้างและการลงทุน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปัจจุบันในตลาดมีการซื้อขายเหล็กข้ออ้อยมาตรฐาน SD40T รวมถึงเหล็กเส้น ชั้นคุณภาพ SD40 แบบไม่มี T จากโรงใหญ่ ให้ผู้ซื้อเลือกได้ตามความต้องการ

น้ำหนักเหล็กเส้น

น้ำหนักของเหล็กเส้นเป็นข้อมูลสำคัญในงานก่อสร้าง เพราะช่วยในการคำนวณปริมาณวัสดุ ความเหมาะสมของโครงสร้าง และต้นทุนของโครงการ เหล็กเส้นในท้องตลาดมีทั้ง เหล็กเส้นกลม และ เหล็กข้ออ้อย โดยมีน้ำหนักมาตรฐานที่อ้างอิงตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง

ความสำคัญของการทราบน้ำหนักเหล็กเส้น

  1. การคำนวณปริมาณวัสดุ ช่วยในการวางแผนจัดซื้อและบริหารจัดการเหล็กเส้นในโครงการ
  2. การออกแบบโครงสร้าง น้ำหนักเหล็กมีผลต่อการออกแบบโครงสร้าง เพื่อให้รองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย
  3. การประเมินต้นทุน น้ำหนักเหล็กช่วยในการคำนวณค่าใช้จ่าย รวมถึงการประเมินต้นทุนการขนส่ง
  4. การตรวจสอบคุณภาพ การชั่งน้ำหนักเหล็กเส้นช่วยยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ตรงตามมาตรฐาน

เหล็ก EAF กับ IF ต่างกันอย่างไร?

ก่อนการเลือกซื้อเหล็กเส้น ต้องเข้าใจว่าเหล็กบางโรงเป็นเหล็ก EAF บางโรงเป็นเหล็ก IF เพราะกรรมวิธีการผลิตไม่เหมือนกัน เนื้อเหล็กที่ได้ เหนียวหรือแข็งแรงต่างกัน แต่แม้จะไม่แตกต่างในเชิงการใช้งานมากนัก แต่การที่โรงเหล็กมีกรรมวิธีผลิตที่ต่างกัน ส่งผลถึงราคาที่ต่างกัน เรามาทำความเข้าใจว่าเหล็ก EAF กับ IF ต่างกันอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อ

เหล็ก EAF Electric Arc Furnace

เหล็ก EAF เป็นเหล็กที่ผลิตในประเทศ โดยปัจจัยการผลิต และต้นทุนการผลิตที่สำคัญหลักๆ มาจากวัตถุดิบเหล็ก และแท่งอิเล็คโทรด ที่เป็นส่วนสำคัญของเตาหลอมเหล็ก ข้อดี

เหล็ก อินดั๊คชั่น IF Induction Furnace

เหล็กเส้นกลม มอก. (Round Bars RB)

เหล็กเส้นกลม มอก. ที่ผลิต ตามมาตรฐาน มอก. 24-2559 กำหนดให้ เหล็กเส้นกลม ที่มีชั้นคุณภาพ SR24 ซึ่งหมายถึงเหล็กต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 2,400 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ขนาดของเหล็กมีตั้งแต่ 6 มม. ถึง 25 มม. ส่วนความยาว มาตรฐาน คือ 10 ม. และ 12 ม. หรือสามารถสั่งดัดพิเศษตามแบบที่ต้องการได้ เหล็กขนาด 6 มม. และ 9 มม. มักถูกใช้เป็นเหล็กปลอกในคานหรือในเสา ส่วนเหล็กขนาด 12 มม. ขึ้นไป มักจะถูกใช้ในงาน เหล็กเสริมแกนในงานคอนกรีต เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างนั้นๆ

เหล็กข้ออ้อย มอก. (Deformed Bars DB)

เหล็กข้ออ้อย มีลักษณะ ผิวเหล็ก เป็นปล้องๆ คล้ายๆอ้อย จึงเรียกว่า เหล็กข้ออ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24-2559 กำหนดให้ เหล็กข้ออ้อย มีชั้นคุณภาพหลายชั้น เช่น SD30, SD40, SD50 และ SD60 ซึ่ง SD30 จะหมายถึงเหล็กที่ต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 3,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร หรือ SD40 หมายถึงเหล็กที่ต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 4,000 กิโลกรัม/เซนติเมตร ขนาดของเหล็กมีตั้งแต่ 10มม. ถึง 40 มม. แต่ที่นิยมใช้สำหรับงานก่อสร้างบ้านเราคือขนาด 12 มม. ถึง 25 มม. ความยาวมาตรฐานคือ 10 ม. และ 12 มม. เหล็กข้ออ้อย จะใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ

📷

เหล็กเต็ม ดูได้อย่างไร

ตัดเหล็กที่ต้องการวัด ความยาว 1 เมตร โดยใช้เครื่องชั่งที่ละเอียด 1 กรัม จะได้น้ำหนักเป็น กิโลกรัมต่อเมตร แล้วนำมาเปรียบเทียบกับตารางที่ มอก. กำหนด ตัวอย่างเช่น เหล็กข้ออ้อย 12 มม.น้ำหนักต่อเมตร 0.888 น้ำหนักความคลาดเคลื่อนของมวลต่อเมตรที่มอก.ยอมให้เท่ากับ + 5 และ-5 จะมีค่าอยู่ระหว่าง 1.93-0.843 ถือว่าเป็น เหล็กเต็ม

อะไรคือ เหล็กเส้นกลม รีดซ้ำ? โปรดระวัง!

หลายคนคงเคยได้ยินว่าท้องตลาด มีการจำหน่าย เหล็กเส้นกลม รีดซ้ำ เหล็กประเภทนี้ แม้จะมี มอก.รับรอง เพราะเป็นเหล็กที่ได้จากการนำเศษเหล็กไปหลอมแล้วรีดออกมาใหม่ จะมีสัญลักษณ์ว่า SRR24 มักจะใช้ได้กับงานเหล็กปลอกเท่านั้น แต่จะมีปัญหาคือ มีกำลังจุดคลากต่ำมาก

ลักษณะเหล็กที่ดี มีคุณภาพ ควรมีข้อพิจารณาสำคัญ 2 หลักการใหญ่

การเลือกเหล็กเส้น SR24 เหล็กข้ออ้อย SD40 โดยดูจากผิวเหล็ก

  • เหล็กเส้นกลม ต้องผิวเรียบเกลี้ยง ไม่มีปีก ลุกคลื่น หน้าตัดกลม ไม่เบี้ยว ไม่มีรอยปริแตก
  • เหล็กข้ออ้อย ต้องมีบั้งระยะเท่ากัน สม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น

การเลือกเหล็กเส้น SR24 เหล็กข้ออ้อย SD40 เส้นผ่านศูนย์กลางและน้ำหนัก ที่ได้มาตรฐาน

  • เมื่อดัดโค้ง งอ ต้องไม่ปริแตก หักง่าย
  • เช่น เหล็กเส้นกลม SR-24 ขนาดบนเนื้อเหล็ก 9 มม. เมื่อวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง ต้องได้ 9 มม. ชั่งน้ำหนักต้องได้ 0.499 กก. ต่อความยาว 1 เมตร และความยาว เหล็กเส้นกลม มาตรฐานทั้งเส้นอยู่ที่ 10 เมตร
  • เหล็กต้องไม่เป็นสนิมขุมกินเข้าไปในเนื้อเหล็ก หมายเหตุ แต่ไม่ต้องวิตกกังวลที่เห็น ผิวเหล็กเป็นสนิม เพราะเป็นเรื่องปกติตามสภาพธรรมชาติร้อนชื้นของประเทศไทย

การผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย

การผลิตเหล็กเส้น เกิดจากการป้อนเศษเหล็ก ปูนขาว และถ่านโค๊กที่มีคุณภาพในประมาณที่เหมาะสมเข้าเตาอาร์คไฟฟ้า EAF ในระหว่างการหลอมเหล็กที่ได้ จะผ่านกรรมวิธีทางเคมี และความร้อนเพื่อปรุงส่วนผสม เมื่อน้ำเหล็กมีอุณหภูมิและส่วนผสมทางเคมีที่ถูกต้อง หลังจากการตรวจสอบจากห้องทดลองแล้ว น้ำเหล็กจะถูกส่งมายังเครื่องหล่อแบบต่อเนื่อง เพื่อผลิตบิลเล็ตที่มีคุณภาพสูงต่อไปบิลเล็ตที่ได้นี้ จะถูกนำเข้าตาอบที่อุณหภูมิสูง 1050 องศาเซลเซียส เพื่อปรับสภาพเนื้อเหล็กที่สามารถถูกรีดลดขนาดตามต้องการได้

โลหะวิทยาของ เหล็กกล้า เพื่อทำเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย มอก.

เหล็กเส้นที่ผลิตในประเทศไทยนั้น ในเชิงวิชาการจัดได้ว่าอยู่ในหมวดเหล็กกล้าคาร์บอน ซึ่งเป็นเหล็กที่ได้คุณสมบัติการใช้งานจากธาตุผสมเพียง 3 ธาตุ อันได้แก่ คาร์บอน ซิลิกอน และ แมงกานีส นอกจากเหล็กกล้าคาร์บอนแล้ว เหล็กกลุ่มอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ เหล็กกล้าเครื่องมือและเหล็กกล้าผสม มีธาตุผสมของโครเมี่ยม นิกเกิล วาเนเดียม เหล็กกล้าความเร็วสูง อันได้แก่ เหล็กกล้าสำหรับงานเชื่อม ที่มีแมงกานีสสูง เป็นต้นเหล็กกล้าคาร์บอนที่ผลิตในประเทศไทย สามารถแบ่งย่อยได้เป็นสองกลุ่ม อันได้แก่ เหล็กกล้าที่มีธาตุคาร์บอนน้อยกว่า 0.25% เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำนี้ นำมาทำเหล็กลวดและเหล็กเส้น กลุ่มที่สองนี้ได้แก่ เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง มีคาร์บอนระหว่าง 0.25-0.35% เหล็กกลุ่มนี้เหมาะที่จะนำไปทำเหล็กข้ออ้อย

ข้อกำหนดการใช้งานของ เหล็กกล้าคาร์บอน สำหรับเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย มอก.

โดยจะแบ่งได้เป็นสัดส่วนดังนี้

  1. ส่วนผสมและอัตราส่วนการผสมของคาร์บอน ซิลิกอน แมงกานีส และในบางกรณีมีธาตุวานาเดียมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ความแข็งแรง แต่ขณะเดียวกัน ก็จะลดการยืดตัวของ เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย เช่นกัน ในขณะที่แมงกานีสจะมีผลในการเพิ่มแรงดึงสูงสุดและการยืดตัว อย่างไรก็ตาม การปรับปริมาณของธาตุทั้งสาม ต้องให้กิดความสมดุล มิฉะนั้นจะทำให้เหล็กไม่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ
  2. คุณภาพของเนื้อ เหล็ก ระหว่างการหลอม และเท เป็นแท่ง เป็นส่วนสำคัญขั้นที่สอง เพื่อให้ได้เหล็กแท่งเนื้อสะอาด มีขนาดผลึก และการกระจายตัวทางเคมีที่สม่ำเสมอ
  3. ประสิทธิภาพและวิศวกรรมของเครื่องรีดและการควบคุมการรีด เหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย โดยทางโรงงานเลือกใช้นวัตกรรมของเครื่องจักรสำหรับศตวรรษนี้ อันได้แก่เครื่องจักรทั้งชุด ควบคุมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ แท่นรีด เป็นระบบ H-V และมีระบบการปรับลดอุณหภูมิของเหล็กที่แม่นยำ

เหล็กข้ออ้อย SD40 ต่างกับ SD40T อย่างไร?

  • เหล็ก SD40 เป็นเหล็กเดิมที่ใช้กันมานาน ส่วนเหล็ก ข้ออ้อย SD40T ผลิตจากกระบวนการ Thermal Treatment ซึ่งต่างประเทศเรียกเหล็กเหล่านี้ว่า เหล็ก TMT บ้านเราเรียก tempt core ซึ่งใช้กระบวนการชุบแข็งด้วยความร้อน ปัจจุบัน ในการผลิตจะมีการใช้ spray สเปรย์น้ำลงบนเหล็กที่เพิ่งรีดขณะร้อนแดง ทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เนื้อเหล็กจะไม่แข็งเท่ากันอีกต่อไป การผลิตเหล็ก SD40T นี้จะทำให้เนื้อเหล็ก ตรงกลางจะนิ่มและยืดหยุ่นได้ดี รอบๆจะมีวงแหวน เกิดจากการชุบแข็ง ให้แข็งเป็นพิเศษ เหล็กที่เป็น SD40T ใกล้เคียงกับ SD40 เดิม รับแรง ทนแรงดึงได้ประมาณเดิม ยืดหยุ่นใกล้เคียงกับแบบเดิม
  • ตัว “T” ที่ระบุตามหลังกำลังคุณภาพของเหล็กข้ออ้อย คือการบ่งบอกว่าเป็นเหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อน (heat treatment rebar หรือ temp-core rebar) ซึ่ง มอก.24-2559 ระบุให้ทำเครื่องหมาย “T” ตามหลัง
  • เหล็กข้ออ้อยตามปกติ หลังจากหลอมเหล็กมาเป็นเส้นๆแล้ว การผลิตเหล็กข้ออ้อยนั้นต้องนำเหล็กที่เป็นเส้นนี้มาทำให้ขนาดเล็กลงด้วยการนำไปอบให้เหล็กมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนเหล็กอ่อนตัวลง ทำให้เหล็กสามารถรีดเพื่อลดขนาดลงได้ง่ายขึ้น เราเรียกวิธีการนี้ว่า “การรีดร้อน”
  • หลังจากรีดร้อนให้ได้ขนาดตามที่กำหนดแล้ว ในขั้นตอนต่อมานี้เองที่ต่างกัน จากที่เหล็กข้ออ้อยปกติ (SD40) จะปล่อยให้เย็นตัวลงในอุณหภูมิห้อง แต่เหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อน (SD40T) นั้นจะนำเหล็กที่ได้มาทำให้เย็นโดยการฉีดสเปรย์น้ำ ทำให้ผิวเหล็กแข็ง แต่ภายในจะค่อยๆเย็นตัวลงทำให้มีความเหนียว ผลที่ได้คือเหล็กข้ออ้อยประเภทนี้ (SD40T) จะไม่ต้องปรุงแต่งส่วนผสมเหล็ก ทำให้มีธาตุ Carbon และ Manganese น้อยกว่าเหล็กข้ออ้อยทั่วไป เรียกเหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อนนี้ว่า Heat Treatment Rebar หรือ Temp-core Rebar หรือ เหล็กข้ออ้อยมี T

ข้อดีข้อเสียจากการนำเหล็กข้ออ้อย SD40T ไปใช้งาน

เหล็ก SD40T รับแรงได้เท่าเดิม ความยืดหยุ่นได้ประมาณเดิม ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเท่าไร แต่เนื่องจากผิวด้านนอกที่แข็งกว่าด้านใน การทำเกลียวหรือการดัดงอบางประเภท อาจจะทำให้ผิวแตกได้ การทำเกลียว จะต้องมีเทคนิคพิเศษ