เหล็กบีม HB WF มอก.

เหล็กบีม HB WF มอก.: คุณสมบัติ, มาตรฐาน และการใช้งานโครงสร้างเหล็กบีม หรือ เหล็กรูปพรรณรีดร้อน เป็นวัสดุโครงสร้างสำคัญในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของประเทศไทย แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะหน้าตัด เช่น เหล็ก H-Beam (เอชบีม) และ เหล็ก Wide Flange...

1,579.14 บาท - 77,364.00 บาท

เหล็กบีม HB WF มอก.: คุณสมบัติ, มาตรฐาน และการใช้งานโครงสร้าง

เหล็กบีม หรือ เหล็กรูปพรรณรีดร้อน เป็นวัสดุโครงสร้างสำคัญในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของประเทศไทย แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะหน้าตัด เช่น เหล็ก H-Beam (เอชบีม) และ เหล็ก Wide Flange (ไวด์แฟรงค์) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อรับรองความแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้งาน บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานของเหล็กบีม HB WF มอก.

ประเภทของเหล็กบีม: H-Beam และ Wide Flange

เหล็ก H-Beam (เอชบีม) มีลักษณะหน้าตัดเป็นรูปตัว H โดยที่ปีก (Flange) และแกนกลาง (Web) มีความหนาและกว้างใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถรับแรงกดและแรงดึงได้ดีในทุกทิศทาง เหมาะสำหรับงานเสา คาน และโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง ส่วนเหล็ก Wide Flange (ไวด์แฟรงค์) มีลักษณะคล้ายตัว I แต่มีปีกที่กว้างกว่าเหล็ก I-Beam ทั่วไป ทำให้รับแรงดัดได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานคานขนาดใหญ่ที่ต้องการช่วงกว้าง โดยทั้งสองประเภทนี้เป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างเหล็กในอาคารและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่

มาตรฐานเหล็ก มอก. สำหรับเหล็กบีมในประเทศไทย

การเลือกใช้เหล็กบีมในงานก่อสร้างของไทยจำเป็นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. (เช่น มอก.1227-2558 สำหรับเหล็กรูปพรรณรีดร้อนสำหรับงานโครงสร้าง) ซึ่งกำหนดคุณสมบัติทางเคมีและทางกลของเหล็ก เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย โดยทั่วไปเหล็กบีม มอก. จะผลิตจากเหล็กกล้าเกรด SS400 ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงดึงสูง การปฏิบัติตามมาตรฐานนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างอาคารที่ยั่งยืนและปลอดภัยในระยะยาว

คุณสมบัติทางเทคนิคของเหล็กบีม HB WF

เหล็กบีม H-Beam และ Wide Flange มีคุณสมบัติทางเทคนิคที่หลากหลายขึ้นอยู่กับขนาดและน้ำหนัก เพื่อตอบสนองความต้องการของงานโครงสร้างที่แตกต่างกัน ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญได้แก่ ความสูงของหน้าตัด (H), ความกว้างของปีก (B), ความหนาของแกน (t1), และความหนาของปีก (t2) รวมถึงน้ำหนักต่อเมตร (กก./ม.) และความยาวมาตรฐานที่ 6 เมตร, 9 เมตร หรือ 12 เมตร

ประเภทเหล็กขนาด (สูงxปีกxแกนxปีก)ความยาวมาตรฐานน้ำหนักโดยประมาณ (ต่อเส้น)มาตรฐาน
เหล็กไวด์แฟรงค์100x50x5x7 มม.6 ม., 9 ม., 12 ม.55.8 กก. (6 ม.)SS400 มอก.
เหล็ก H Beam100x100x6x8 มม.6 ม., 9 ม., 12 ม.103.2 กก. (6 ม.)SS400 มอก.
เหล็กไวด์แฟรงค์150x75x5x7 มม.6 ม., 9 ม., 12 ม.84 กก. (6 ม.)SS400 มอก.
เหล็ก H Beam150x150x7x10 มม.6 ม., 9 ม., 12 ม.189 กก. (6 ม.)SS400 มอก.
เหล็กไวด์แฟรงค์200x100x5.5x8 มม.6 ม., 9 ม., 12 ม.127.8 กก. (6 ม.)SS400 มอก.
เหล็ก H Beam200x200x8x12 มม.6 ม., 9 ม., 12 ม.299.4 กก. (6 ม.)SS400 มอก.
หมายเหตุ: ข้อมูลน้ำหนักเป็นค่าโดยประมาณสำหรับความยาว 6 เมตร อาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตและขนาดที่ระบุ

การใช้งานเหล็กบีมในงานโครงสร้าง

เหล็กบีม HB WF มอก. มีบทบาทสำคัญในงานโครงสร้างหลากหลายประเภท ได้แก่

  • คานและเสา: ใช้เป็นโครงสร้างหลักในการรับน้ำหนักของอาคารสูง, โรงงาน, โกดัง และสะพาน
  • โครงสร้างหลังคา: เหมาะสำหรับโครงสร้างหลังคาขนาดใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงและช่วงกว้าง
  • ฐานราก: ในบางกรณีอาจใช้เหล็กบีมเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างฐานรากหรือเข็มพืด
  • โครงสร้างรองรับ: เช่น แปหลังคา หรือโครงสร้างรองรับเครื่องจักรขนาดใหญ่
ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานและรูปทรงที่เหมาะสม ทำให้เหล็กบีมเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับงานที่ต้องการความมั่นคงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

การเลือกซื้อเหล็กบีมและข้อมูลราคา

การพิจารณาเลือกซื้อเหล็กบีม มอก. ควรคำนึงถึงขนาด, น้ำหนัก, ความยาว และมาตรฐานที่ต้องการตามการออกแบบโครงสร้าง เพื่อให้ได้เหล็กที่เหมาะสมกับงานมากที่สุด สำหรับการตรวจสอบราคาเหล็กบีม HB WF มอก. ล่าสุด รวมถึงข้อมูลสินค้าคงคลังและตัวเลือกขนาดต่างๆ ผู้สนใจสามารถเข้าชมและตรวจสอบข้อมูลได้ที่แพลตฟอร์ม OneStockHome ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เหล็กบีมคุณภาพสูงหลากหลายขนาด พร้อมข้อมูลจำเพาะที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้ผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมีข้อมูลและมั่นใจในคุณภาพ