ขอราคา คอนกรีตผสมเสร็จ ซีแพค cpac ได้ทั่วประเทศ

ราคาพิเศษ ทั่วประเทศ ราคาดีลโดยตรงกับโรงงาน

ผ่าน ไลน์ไอี @onestockhome 
 ขนาดรถคอนกรีต และข้อจำกัด 
รถโม่เล็ก ซีแพค กว้าง 2.5ม. สูง 2.8ม. ยาว 5.5ม. บรรจุคอนกรีตได้มากสุด 2 คิว/เที่ยว 
ทางเข้า ต้องกว้างอย่างน้อย 3 ม. ระวังสายไฟและสายโทรศัพท์ ควรมีความสูงเกิน 3ม.
ถนนควรเป็นดินที่อัดแน่น หรือ คอนกรีต

รถโม่ใหญ่ ซีแพค กว้าง 3ม.  สูง 4ม. ยาว 8ม. บรรจุคอนกรีตได้มากสุด 5 คิว/เที่ยว 
ทางเข้า ต้องกว้างอย่างน้อย 4 ม. ถ้าเป็นโค้งหักศอกต้องกว้างอย่างน้อย 6ม.
ระวังสายไฟและสายโทรศัพท์ ควรมีความสูงเกิน 4ม.
ถนนควรเป็นดินที่อัดแน่น หรือ คอนกรีต
 
หน่วยของ คอนกรีต Ksc
คุณทราบหรือไม่ว่า ksc. ที่แท้จริงนั้นหมายถึง Kilogram per Square Centimeter หรือ กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร โดย ksc นั้น จะมีทั้งในรูปแบบ cube หรือ Cylinder ซึ่งหน่วยดังกล่าวนี้ มาจากความต้องการหน้างาน ว่าจะมีการเก็บก้อนปูนแบบใด ตัวอย่างเช่น 

คอนกรีต ZBDM24A000 หมายถึง คอนกรีตที่มีกำลังอัด 240ksc (Cube) หรือ 210 ksc (Cylinder นั่นเอง)
 
   
ตารางเปรียบเทียบ
CUBE     CYLINDER
180 = 140
210 = 180
240 = 210
280 = 240
300 = 250
320 = 280
350 = 300
380 = 320
400 = 350
420 = 380
450 = 400
480 = 420
500 = 450
550 = 500
600 = 550
650 = 600
850 = 800


ประเภทคอนกรีต ซีแพค เหมาะสำหรับหน้างานทุกแบบ
    คอนกรีตมาตรฐาน
 
 
คอนกรีต
งานเข็มเจาะใหญ่
     
คอนกรีตที่ใช้กันปกติทั่วไป กำลังอัดตั้งแต่ 180-400กก./ตร.ซม.
เหมาะสำหรับโครงสร้างทั่วไป เช่น เสา คาน ฐานราก พื้น

  คอนกรีตที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเทโครงสร้างเข็มเจาะขนาดใหญ่ หรือเข็มเจาะเปียก เป็นเสาเข็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 60ซม. ขึ้นไป เจาะลงในดินที่ความลึก 40เมตรเป็นต้นไป มีความสามารถในการถ่ายเทได้ดี มีความไหลลื่นสูง
 
   
 
 
คอนกรีต
งานเข็มเจาะเล็ก
 
 
คอนกรีต
กันซึมซีแพค
     
คอนกรีตที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเทโครงสร้างเสาเข็มเจาะเล็ก หรือเข็มเจาะระบบแห้ง ซึ่งเป็นเสาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 35-60 ซม. โดยใช้อุปกรณ์เจาะทั่วไปที่เรียกว่าสามขาซึ่งจะเจาะไปที่ดินที่ความลึกประมาณ 21 เมตร   cpac Waterproof concrete ถูกพัฒนาขึ้นให้มีคุณสมบัติกันซึม มีความทึบน้ำสูง เหมาะกับโครงสร้างที่สัมผัสน้ำ หรือความชื้นตลอดเวลา เช่นสระว่ายน้ำ ถังเก็บน้ำ พื้นห้องน้ำ มีมาตรฐานให้เลือกใช้ตั้งแต่ 240-400กก./ตร.ซม. กรณีฐานรากมีความหนามากกว่า 50ซม. ควรพิจารณาคอนกรีตความร้อนต่ำ ซีแพค
 

 
 
 
 
คอนกรีต
ชายฝั่งทะเลซีแพค
 
 
คอนกรีต
ทนดินเค็มซีแพค
   
มีคุณสมบัติต้านการซึมผ่านของ คลอไรด์ ซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเกิดสนิม และซัลเฟต ซึ่งมีอยู่ในน้ำทะเล ไอทะเล น้ำกร่อย น้ำใต้ดิน และดินเค็ม มีมาตรฐานให้เลือกตั้งแต่ 240-400กก./ตร.ซม.   มีคุณสมบัติต้านการซึมผ่านของคลอไรด์ และซัลเฟตซึ่งสะสมอยู่ในดิน หรือบริเวณแหล่งน้ำใกล้เคียงโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 240-400กก./ตร.ซม.
 

   
 
คอนกรีต
ทนซัลเฟต
 
 
คอนกรีต
ทนกรด
   
เป็นคอนกรีตที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีความสามารถในการต้านทานความเสียหายจากซัลเฟต ด้วยการลดสารประกอบบางอย่างในคอนกรีตที่ทำปฏิกิริยากับซัลเฟต   เพื่อการยืดอายุการใช้งานของคอนกรีตในสภาวะที่กรดกัดกร่อน โดยการเพิ่มสารที่มีความละเอียดสูงทำให้คอนกรีตมีความหนาแน่นและแข็งแรงกว่าคอนกรีตทั่วไป มีความทนทานต่อสภาวะกรดได้ดี มีกำลังอัดให้เลือกตั้งแต่ 280-500 กก./ตร.ซม.
 

   
 
คอนกรีต
งานห้องเย็น
 
 
คอนกรีต
ความร้อนต่ำซึแพค
     
มีความสามารถในการต้านทานการแตกร้าวที่เกิดจากการแข็งตัวของน้ำในคอนกรีต อีกทั้งยังมีความทนทานต่อการขัดสีที่ผิวหน้าจากการใช้งานของรถถ่ายสินค้า Fork Lift คอนกรีตงานห้องเย็นซีแพค จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานห้องเย็น ห้องแช่แข็ง และห้องปรับอุณหภูมิ ซึ่งสามารถทนต่ออุณหภูมิติดลบได้ถึง -40 องศา   คอนกรีตที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมปริมาณความร้อน เนื่องจากโดยทั่วไปคอนกรีตจะมีการคายความร้อนออกมา หลังจากที่ซีเมนต์ในคอนกรีตทำปฏิกิริยากับน้ำ โดยเฉพาะโครงสร้างที่มีความหนามากกว่า 50ซม.ขึ้นไป ความร้อนที่อยู่ในโครงสร้างอาจมีความสูงถึง 70องศาเซลเซียส จึงทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิที่ผิวและอุณหภูมิภายในโครงสร้าง ทำให้คอนกรีตหดตัวและยึดรั้งที่ต่างกัน ซึ่งจะทำให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าว

   
 
คอนกรีต
กำลังอัดสูงซีแพค
   
 
คอนกรีต
พื้นอุตสาหกรรมซึแพค
   
เป็นคอนกรีตที่มีกำลังอัดมากกว่า 500 กก./ตร.ซม. ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแกร่ง หรือรับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ เช่น เสา ปล่องลิฟท์ คาน สะพาน เป็นต้น   สำหรับงานพื้นที่ต้องการรับแรงกระแทก และขัดสีมากกว่าปกติ เช่น พื้นโรงงาน พื้นโกดัง หรือพื้นที่มีการใช้งานรถหนัก รถที่มีล้อขัดสีกับพื้นสูง เช่นรถโฟล์กลิฟท์ ใช้งานเป็นประจำ
 
 
 
 
คอนกรีต
สลิปฟอร์มซีแพค
 
 
คอนกรีต
แข็งตัวเร็วซีแพค
     
คอนกรีตที่มีระยะการก่อตัวของเนื้อคอนกรีตเร็วกว่าคอนกรีตปกติ เพื่อให้คอนกรีตสามารถประคองตัวเองอยู่ได้ หลังจากที่แบบหล่อมีการเคลื่อนที่ต่อเนื่องไป โดยมักจะใช้งานกับโครงสร้างที่มีการเทอย่างต่อเนื่อง เช่น ปล่องลิฟท์ ไซโลเก็บพืชผลทาการเกษตร นอกจากจะเทได้อย่างต่อเนื่องแล้วยังทำให้ผิวโครงสร้าง เรียบเนียน สวยงาม   คอนกรีตที่มีส่วนผสมพิเศษ เพื่อให้มีความสามารถในการรับน้ำหนัก (กำลังอัด) สูง ในเวลาที่รวดเร็วกว่าคอนกรีตปกติ ทำให้สามารถถอดแบบได้เร็วขึ้น เปิดใช้งานได้เร็วขึ้นตามความเร่งด่วนของการสร้าง

   
 
คอนกรีต
ผิวเรียบซีแพค
 
 
คอนกรีต
ไหลเข้าแบบง่าย
   
เหมาะสำหรับงานคอนกรีตที่โชว์ผิวเปลือย ที่ต้องการความเรียบเนียน ผิวไม่เป็นช่องว่างหรือรูโพรง มีสีสวยงาม ไม่เกิดการแตกร้าว และมีความคงทนต่อสภาพอากาศ   สำหรับพื้นที่ที่มีความไหลลื่นสูง ไม่แยกตัว สามารถไหลผ่านเหล็กเสริมที่ซับซ้อน สามารถไหลเข้าไปเติมเต็มทุกมุมของแบบหล่อได้ด้วยน้ำหนักของตัวคอนกรีตเอง โดยไม่ต้องมีการจี้เขย่า เป็นคอนกรีตที่มีความทึบน้ำสูง มีความคงทนทำให้โครงสร้างมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น มีกำลังอัดให้เลือกใช้ตั้งแต่ 400-600 กก./ตร.ซม.
   
 
 
คอนกรีต
ลานตากพืชผลซีแพค
 
 
คอนกรีต
งานใต้น้ำซีแพค
     
มีความสามารถในการดูดซับและสะสมความร้อนได้สูงกว่าคอนกรีตปกติ ทำให้ลดระยะเวลาในการตากพืชผลทางการเกษตรให้น้อยลง เพิ่มจำนวนรอบในการตากพืชผลได้มากขึ้น   มีคุณสมบัติไหลเข้าแบบง่าย มีความไหลลื่นสูง สามารถเทคอนกรีตลงแบบที่อยู่ใต้น้ำได้โดยไม่ต้องสูบน้ำออก และไม่ต้องจี้เขย่า โดยจะเป็นเนื้อที่เกาะตัวกันสูง และมีค่าความหนืดสูง สามารถป้องกันการชะล้างจากน้ำ และการแยกตัวของเนื้อคอนกรีตได้
 
   
 
 
คอนกรีต
ไหลลื่นเทง่าย ซีแพคซุปเปอร์พลัส
 
 
คอนกรีต
พรุนซีแพค
     
เป็นคอนกรีตที่มีความไหลลื่นสูง ไหลเทเข้าแบบง่าย เทสะดวกขึ้น งานเสร็จเร็วขึ้น สามารถลดจำนวนคนงานได้ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำเติมระหว่างการเท ช่วยลดการแตกร้าว เป็นฝุ่น เป็นโพรง กำลังอัดตก เนื่องจากการเติมน้ำ นอกจากนี้ยังสามารถถอดแบบได้เร็วขึ้น และได้ผลงานที่เรียบร้อย ผิวเรียบเนียน   เป็นคอนกรีตที่มีปริมาณช่องว่างในเนื้อคอนกรีตที่เหมาะสม สามารถระบายน้ำได้ดี โดยมีช่องว่างต่อเนื่อง interconnection Void ขนาดตั้งแต่ 2-8มม. ซึ่งขนาดช่องว่างเหล่านี้จะทำหน้าที่ให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก มีกำลังอัดให้เลือกคือ 140 และ 180 กก./ตร.ซม.
     

การเทคอนกรีตและการทำให้แน่น

การเทคอนกรีต Placing และการทำให้แน่น Compacting เป็นงานที่กระทำควบคู่กันไปตลอดเวลา วัตถุประสงค์หลักของการเทคอนกรีตคือ การป้องกันไม่ให้คอนกรีตเกิดการแยกตัว และทำคอนกรีตให้แน่นอย่างทั่วถึง การเทคอนกรีตและการทำคอนกรีตให้แน่นอย่างถูกวิธี และบรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น มีเทคนิคการดำเนินงานดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายตำแหน่งของคอนกรีตโดยใช้เครื่องสั่นคอนกรีต
2. ควรเทคอนกรีตทีละชั้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลาดเอียง ไม่ควรเทสุมเป็นกอง
3. ความหนาของการเทแต่ละชั้น ควรเหมาะกับกำลังของเครื่องสั่นคอนกรีต เพื่อให้สามารถไล่ฟองอากาศออกจากส่วนล่างของแต่ละชั้น
4. งานเทคอนกรีตสำหรับผนัง ควรเทให้หนาเป็นชั้น ความหนาชั้นละประมาณ 30-45ซม. ควรเริ่มเทคอนกรีตจากมุม หรือจุดท้ายสุดของแบบผนัง
5. อัตราการเทคอนกรีต และการสั่นคอนกรีต ควรมีความสมดุลกัน
6. ควรทำการสั่นคอนกรีตให้แน่นเสียก่อนในแต่ละชั้น ก่อนที่จะเทคอนกรีตในชั้นถัดไป
7. โครงสร้างในแนวดิ่ง เช่น เสา และผนัง ไม่ควรเทคอนกรีตเร็วกว่า ความสูง 2 เมตรต่อ ชั่วโมง และควรเทอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยขณะเทคอนกรีต Cold Joint
8. หลีกเลี่ยงการเทเสาคอนกรีตกระทบกับแบบหล่อหรือเหล็กเสริมโดยตรง กรณีโครงสร้างที่มีความสูง เช่น เสา ผนัง คานลึก ปล่องลิฟท์ ควรใช้ท่อเทคอนกรีต Tremie or Pipe เพื่อป้องกันการแยกตัว
9. โดยทั่วไปควรเทคอนกรีตลงในแนวดิ่ง แต่สำหรับการเทคอนกรีตในแนวนอน หรือแนวลาดเอียง ต้องเทคอนกรีตจากจุดต่ำสุด และให้คอนกรีตดันตัวขึ้นมาตามแบบหล่อ ควรเทคอนกรีตอย่างต่อเนื่องกัน
10. ไม่ควรให้ระยะตกอิสระของคอนกรีตสูงกว่า 1.5ม.
11. หากต้องการหล่อคอนกรีต เสา ผนัง คาน พื้นพร้อมกัน ทำได้โดยเทคอนกรีตส่วนเสาและผนังทิ้งไว้ก่อน ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วจึงเทคอนกรีตในส่วนของคานและพื้นต่อไปได้ แต่ต้องระวังอย่างให้กระทบกระเทือนต่อเสาและผนังที่ยังไม่แข็งตัวดี


การเทคอนกรีตสำหรับอากาศร้อน (อุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียส)

โดยทั่วไป อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างน้ำกับปูนซีเมนต์ อยู่ระหว่าง 16-32 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิสูงกว่านี้แล้ว ถือว่าเป็นอากาศร้อนสำหรับการปฏิบัตงานคอนกรีต การเทคอนกรีตในขณะที่อากาศร้อน เป็นปัญหาสำหรับประเทศในภูมิศาสตร์เขตร้อนอย่างประเทศไทย

การที่อุณหภูมิสูง จะทำให้น้ำภายในคอนกรีตระเหยเร็วมาก ปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างน้ำกับปูนซีเมนต์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราการแข็งตัวของคอนกรีตจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าวที่ผิว Plastic Shrinkage Crack การแต่งผิวหน้ายากขึ้น รวมถึงทำให้เกิดรอยต่อขณะเทคอนกรีต Cold Joint ได้ง่าย การเพิ่มปริมาณน้ำในส่วนผสมไม่ใช่วิธีที่ดี เพราะทำให้กำลังของคอนกรีตลดลง

ข้อแนะนำในการผสมคอนกรีตให้มีคุณภาพดีในขณะอากาศร้อน คือ
1. ควรป้องกันวัสดุผสมมิให้กระทบกับแสงแดดโดยตรง หรือฉีดพ่นน้ำเพื่อลดความร้อน ในขณะลำเลียงวัสดุเข้าสู่เครื่องผสม
2. น้ำที่ใช้ผสมคอนกรีต ควรทำให้เย็น โดยการผสมน้ำแข็งลงไป ช่วยลดอุณหภูมิได้เป็นอย่างมาก
3. พ่นน้ำบนแบบหล่อ เหล็กเสริม และผิวพื้นดิน ก่อนการเทคอนกรีต เพื่อลดความร้อนให้ระเหยออกไปก่อน และช่วยป้องกันการดูดซับน้ำจากคอนกรีต
4. ควรเทคอนกรีตต่อเนื่องตลอดทั้งพื้นที่ และเทคอนกรีตต่อกับคอนกรีตที่ยังคงสภาพเหลว ห้ามเทคอนกรีตต่อกับคอนกรีตซึ่งเททิ้งไว้นานเกิน 30 นาที เพราะจะเกิดรอยต่ออันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ขณะเทคอนกรีต Cold Joint
5. ตบแต่งผิวหน้าคอนกรีตทันทีที่เทเสร็จ และป้องกันแสงแดดในขณะแต่งผิว
6. ทำการบ่มคอนกรีตโดยพ่นน้ำบนผิวคอนกรีต หลังจากคอนกรีตได้อายุ 24 ชั่วโมง อุณหภูมิของน้ำที่นำมาใช้บ่ม ไม่ควรต่างจากอุณหภูมิของคอนกรีตมากนัก เพราะอาจจะทำให้เกิดการแตกร้าวได้ จากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว
7. ใช้สารเคมีผสมเพิ่ม ประเภทสารหน่วงการแข็งตัว Retarders เพื่อยืดระยะเวลาการแข็งตัวของคอนกรีตให้นานขึ้น ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการทำงานจาก 45 นาที เป็น 1 1/2 ชั่วโมง หรือ 2 เท่าของคอนกรีตที่ไม่ผสมน้ำยาหน่วงการแข็งตัว 



 
[ตะกร้าสินค้า]
เลือกสินค้าต่อ
คอนกรีตทนกรด CPAC Acid Attack Resisting Concrete
คอนกรีตทนกรด CPAC Acid Attack Resisting Concrete
รหัส:CCT00116
ราคา : N/A On Call โปรดโทรตรวจสอบค่ะ
ชื่อสินค้า:
คอนกรีตทนกรด

รายละเอียดสินค้า:

CPAC Acid Attack Resisting Concrete

        โดยปกติคอนกรีตจะมีสภาพเป็นด่าง หรือ ค่า pH ประมาณ 12.5 แต่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดหรือ pH ต่ำกว่า 6.5 คอนกรีตจะเริ่มเกิดความเสียหายขึ้น ตัวอย่างของกรดที่สามารถกัดกร่อนคอนกรีตอย่างรุนแรงคือ กรด Carbonic, Hydrochloric, Hydrofluoric, Nitric, Phosphoric, Sulfuric, Acetic, Citric, Humic, Lactic และ Tannic

กรดมาจากไหน

  1. โรง งานหรือแหล่งผลิตทีมีการใช้กรดในการผลิตหรือได้กรดเป็นผลิตผลจากการผลิต เช่นอุตสาหกรรมผักและผลไม้ดอง อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา เป็นต้น
  2. ระบบบำบัดน้ำเสียและท่อระบายน้ำเสียจากบ้านเรือน ซึ่งโดยระบบทางชีวภาพทำให้เกิดกรดซัลฟุริก (H2SO4)
  3. ฝนกรด ซึ่งอาจจะมีกรดซัลฟุริก หรืดคาร์บอนิก เป็นต้น

 

     
กรดทำลายคอนกรีตได้อย่างไร
    กรดสามารถทำลายสารประกอบแคลเซียมทุกประเภทที่มีอยู่ในคอนกรีต เช่น แคลเซียมซิลิเกตไฮเดรต (C-S-H) แคลเซียมอลมิเนตไฮเดรต (C-A-H) และแคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) โดยส่วนใหญ่แล้ว กรดจะเขาไปทำปฏิกิริยากับสารประกอบแคลเซียมดังกล่าว และได้ผลผลิตเป็นเกลือแคลเซียมซึ่งละลายน้ำได้ง่าย เมื่อสารประกอบแคลเซียมในคอนกรีตถถูกเปลี่ยนไปเป็นเกลือ จะทำให้บริเวณที่ถูกกัดกร่อนสูญเสียความสามารถในการยึดเกาะระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างซีเมนต์เพสต์กับมวลรวม เกลือที่เกิดขึ้นจะสามารถถูกชะล้างออกไปได้ง่าย ทำให้เนื้อคอนกรีตถูกทำลายหายไป และมวลรวมจึงหลุดออกจากคอนกรีตได้ง่าย
ผลกระทบต่อคุณสมบัติทางวิศวกรรม
   - โครงสร้างสูญเสียกำลังและความแข็งแกร่ง
   - ความพรุน และความสามารถซึมผ่านของน้ำในคอนกรีต
     เพิ่มขึ้น ทำให้ความทนทานลดลง
   - ค่า pH ของคอนกรีตลดลงอย่างมาก
   - การสูญเสียมวลหรือน้ำหนักคอนกรีต
 
ความรุนแรงของการกัดกร่อน
        ความรุนแรงของการกัดกร่อนจะขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มข้นของกรด กรดที่มีการกัดกร่อนรุนแรง จะเป็นชนิดที่เปลี่ยนสารประกอบแคลเซียมในคอนกรีตไปเป็นเกลือแคลเซียมที่ ละลายน้ำได้ง่าย ดังนั้น กรดเกลือ (HCl) จะเป็นกรดที่มีการกัดกร่อนคอนกรีตที่รุนแรงมาก เนื่องจากเกลือแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) สามารถละลายน้ำได้ดีว่าเกลือแคลเซียมที่เกิดจากกรดชนิดอื่นๆ  
     

    CPAC Acid Attack Resisting Concrete คือคอนกรีตพิเศษที่ซีแพควิจัย และพัฒนาขึ้น เพื่อยืดอายุของคอนกรีตในสภาวะกัดกร่อนโดยกรดให้ยาวนานขึ้น  ด้วยหลักการลดปริมาณแคลเซียมไฮดรอกไซด์ Ca(OH)2 ในคอนกรีต โดยการผสมวัสดุปอซโซลานที่มีปริมาณ SiO2 สูงมาก เช่น ซิลิกาฟูม ในส่วนผสมคอนกรีตในระดับที่เหมาะสม ประกอบกับการออกแบบส่วนผสมจากทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของซีแพคให้มีอัตราส่วน น้ำต่อตัวเชื่อมประสานที่ต่ำที่สุด เพื่อเพิ่มความแน่นของคอนกรีตให้ดีเยี่ยม ซึ่งนับเป็นวิธีการแก้ปัญหาความเสียหายจากการกัดกร่อนโดยกรดที่ต้นเหตุอย่าง แท้จริง


สั่งซื้อ
เลือกสินค้าต่อ